08.พิลังกาสา



พิลังกาสา


ชื่อวงศ์ : MYRSINACEAE
ชื่อวิทยาศาสตร์  Ardisia polycephala  Wall.
ชื่อสามัญ : Ardisia Polycephala
ชื่อพื้นเมือง :ผักจำ, ผักจ้ำแดง (เชียงใหม่, เชียงราย), ตีนจำ (เลย), ลังพิสา (ตราด), ทุรังกาสา (ชุมพร), ราม (สงขลา), ปือนา (มลายู-นราธิวาส),จิงจ้ำ, จ้ำก้อง, มะจ้ำใหญ่, ตาปลาราม, ตาเป็ด, ทุกังสา และ มาตาอาแย
ประโยชน์ :คุณสมบัติชั้นเลิศที่มีความโดดเด่นในการป้องกันและรักษาโรคมะเร็งในตับได้
อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งช่วยบำรุงตับ ฟื้นฟูตับแข็ง แก้น้ำเหลืองเสียง แก้โรคเรื้อน
และแก้กามโรคได้เป็นอย่างดี

ลักษณะ(Characteristics)ต้นพิลังกาสา 

เป็นไม้ยืนต้นขนาดย่อม มีความสูงของต้นประมาณ2-3เมตรลำต้นแตกกิ่งก้านสาขาออกรอบต้น แต่ไม่มากนัก ใบพิลังกาสา ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับกันเป็นคู่ ๆ ตามข้อต้น ลักษณะของใบเป็นรูปไข่ ปลายใบแหลม โคนใบสอบ ส่วนขอบใบเรียบไม่มีจัก แผ่นใบเป็นสีเขียวมัน มีลักษณะหนาและใหญ่ ส่วนยอดอ่อนเป็นสีแดง ดอกพิลังกาสา ออกดอกเป็นช่อตามปลายกิ่งหรือตามส่วนของยอด ดอกเป็นสีเหลืองนวล,สีชมพูอมขาว หรือสีขาวแกมชมพูเมื่อดอกบานเต็มที่
จะมี แฉก คล้ายรูปดาว ผลพิลังกาสา ผลมีลักษณะกลมโต มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.5 เซนติเมตร ออกผลเป็นกระจุกมีก้านช่อยาวห้อยย้อยลง และก้านผลยาวเรียงสลับรอบก้านช่อ ผลอ่อนเป็นสีแดง เมื่อแก่หรือสุกแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงดำ

การกระจายพันธุ์ ( Distribution) : มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด พบพรรณไม้ชนิดนี้ได้ตามป่าราบและพบได้ตามป่าโปร่ง ป่าดิบเขาทั่วไป ที่ราบสูง
ประโยชน์ (Uses and Utilization) : ต้นพิลังกาสาเป็นที่นิยมในการนำมาปลูกเป็นไม้ประดับตามสถานที่ราชการหรือตามสวนสาธารณะทั่วไป เพาะปลูกได้ง่าย อีกทั้งดอกยังมีความสวยงามและออกดอกเป็นกลุ่มใหญ่ ผลอ่อน ใบอ่อน ยอดอ่อนมีรสชาติฝาดมัน เปรี้ยวอมหวาน ใช้รับประทานเป็นผักเหนาะได้


สรรพคุณ (Medicinal uses) : ผล มีรสร้อน ฝาด  สุขุม มีสรรพคุณแก้ไข้ แก้ท้องเสีย ใบ มีรสเฝื่อน แก้ตับและปอดพิการ ดอก มีรสเฝื่อนขมเมา ฆ่าเชื้อโรค ราก มีรสเฝื่อนแก้กามโรค แก้โรคหนองใน และแก้ลมเป็นพิษ ต้น มีรสเฝื่อนเมา ปรุงผสมกับสมุนไพรอื่นแก้โรคเรื้อน 
ฆ่าพยาธิที่ผิวหนัง


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

16.อบเชยไทย

01.กานพลู

02.การบูร